วิธีดูแลผู้สูงอายุ ให้ท่านได้สุขกาย สบายใจ

#การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ยังเป็นวลีฮิตที่ยิ่งเราอายุมากขึ้น จะยิ่งรู้ซึ้งถึงความหมายของมัน ถ้าเราไม่ได้เป็นผู้สูงอายุเองคงจะยังไม่มีวันเข้าใจว่า การเจ็บป่วยทั้งทางกายและใจในช่วงบั้นปลายของชีวิตมันทรมานขนาดไหน…
.
เชื่อว่าหลาย ๆ ครอบครัวตอนนี้ น่าจะมีสมาชิกภายในครอบครัวที่เป็นผู้สูงอายุกันอยู่ ซึ่งเราจะต้องดูแลเอาใจใส่กันเป็นพิเศษ เพราะสุขภาพร่างกายของพวกเขาไม่ได้เหมือนตอนหนุ่มสาวแล้ว อาจจะมีความเจ็บป่วยได้ง่าย แต่หายได้ยากขึ้น และนอกจากที่จะต้องดูแลสุขภาพกายของผู้สูงอายุแล้ว สุขภาพจิตก็สาคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าสุขภาพจิตดี สุขภาพร่างกายก็จะดีตามไปด้วยนั่นเอง
.
MR.MAXWELL เข้าใจดีว่าการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้เราจะมาแนะนา 7 วิธีดูแลผู้สูงอายุ ให้ท่านได้สุขกาย สบายใจ ให้ได้นาไปปรับใช้กัน ลองนาไปทาตามกันดูนะ…

สาหรับผู้สูงอายุนั้น ควรลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้ง น้าตาล และไขมัน เพราะในแต่ละวันผู้สูงอายุไม่ค่อยได้ใช้พลังงานมากเท่าไหร่นัก หากรับประทานอาหารประเภทนี้ในจานวนมาก อาจจะส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพได้ เช่น ระดับไขมันและน้าตาลในเลือดสูง, อาหารไม่ย่อย เป็นต้น ทางที่ดีผู้สูงอายุควรเลือกรับประทานอาหารที่มาจากแหล่งโปรตีนที่ดี มีไขมันต่า และทาให้ง่ายต่อการเคี้ยว รวมไปถึงวิธีการทาและปรุงอาหาร ควรจะเน้นที่การต้ม นึ่ง อบ และย่าง เพื่อช่วยลดปริมาณไขมันในอาหาร และไม่ควรรับประทานอาหารรสหวานจัด เค็มจัด และเผ็ดจัด ควรทานอาหารรสอ่อน ๆ จะดีกว่า

2. ออกกาลังกายในที่ที่อากาศบริสุทธิ์ เพื่อหยุดการเกิดโรคเพิ่ม
อย่างที่ได้บอกไปในข้อแรกว่า ผู้สูงอายุค่อนข้างใช้พลังงานน้อยในแต่ละวัน ซึ่งอาจจะทาให้เกิดปัญหาสุขภาพอย่างน้าหนักเกินหรือโรคอ้วนได้ ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นลูกหลาน ก็ควรจะพาท่านไปออกกาลังกายสักหน่อย อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที ถ้าทาได้สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้งก็จะดีมาก เพื่อช่วยให้ปอดและหัวใจยังคงแข็งแรง และควรจะเป็นการออกกาลังกายแบบเบา ๆ ไม่หนักมากนะ เช่น เดินเร็ว, แอโรบิก, โยคะ หรือราไทเก๊ก เป็นต้น แค่ให้ได้ขยับเขยื้อนร่างกายบ้างก็โอเคแล้วล่ะ
.
สถานที่ที่แนะนาให้ใช้ในการออกกาลังกาย ก็อาจจะเป็นบริเวณสวนน่าบ้านของเราเอง หรือสวนสาธารณะใกล้บ้านก็ได้ ขอแค่เป็นบริเวณที่มีความปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก มีต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวให้ได้ชื่นใจสักหน่อย เพราะการอยู่ในที่ที่อากาศบริสุทธิ์และอากาศถ่ายเทสะดวก จะช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ ซึ่งทาให้ลดโอกาสการเกิดโรคเพิ่ม

3. ระมัดระวังการใช้ยา (รักษาโรค) ให้มากขึ้น
การรับประทานยารักษาโรคที่มากเกินไป ก็อาจจะทาให้ตับและไตทางานหนักมากขึ้น ดังนั้นผู้สูงอายุควรระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากการทางานของตับและไตในวัยผู้สูงอายุนั้นมีประสิทธิภาพลดลง ผู้สูงอายุไม่ควรทานยาแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เช่น ซื้อยาทานเอง ทานยาเก่าที่เก็บไว้นานแล้ว หรือทานยาของผู้อื่นที่คิดว่ามีอาการเหมือนกัน เพราะอาจจะได้รับผลข้างเคียงจากยาที่ค่อนข้างรุนแรง หรืออาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากมีอาการป่วยควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง หรือใช้ยาภายใต้คาแนะนาจากแพทย์จะดีกว่า

4. จัดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
บางทีบ้านรกก็ทาให้เกิดอุบัติเหตุในผู้สูงอายุได้นะ เพราะถ้าเราจัดวางข้าวของเครื่องใช้ไม่เป็นระเบียบ เกะกะไปหมด ก็อาจจะทาให้ผู้สูงอายุสะดุดหรือหกล้มได้ แนะนาให้จัดบ้านให้เป็นสัดเป็นส่วนและเป็นระเบียบดีกว่า เพื่อให้หาของใช้ได้ง่ายขึ้น และลดการเกิดอุบัติเหตุไปในตัว
.
แต่ไม่ใช่แค่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในบ้านเท่านั้นที่เราควรทาเพื่อผู้สูงอายุ การมีระบบ Smart Home (บ้านอัจฉริยะ) ภายในบ้านก็ช่วยให้การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แถมยังปลอดภัยอีกด้วย เพราะเราสามารถสั่งงานหรือควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านได้ผ่านสมาร์ทโฟน สามารถควบคุมการเปิดปิดไฟหรือปรับระดับความสว่าง สั่งงานเครื่องปรับอากาศ เปิดปิดม่านตามสภาพแสง สั่งเปิดปิดประตูรั้ว รวมถึงเป็นระบบกันขโมย ซึ่งทุกอย่างสามารถสั่งการและรับการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชันได้ตลอดเวลา

5. หมั่นตรวจสุขภาพประจาปีอย่างสม่าเสมอ
ไม่ว่าจะวัยไหนก็ควรไปตรวจสุขภาพประจาปีอย่างสม่าเสมอนะ แต่ถ้าไปทุกปีไม่ได้จริง ๆ อย่างน้อยควรไปทุก 3 ปีก็ยังดี ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลก็จะมีโปรแกรมการตรวจสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่เบื้องต้นจะมีการตรวจร่างกายทั่วไป, ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC), ตรวจวัดระดับน้าตาลในเลือด (FPG) และค่าน้าตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1c), ตรวจวัดระดับไขมันในเลือด, ตรวจระดับกรดยูริก, ตรวจการทางานของไต, ตรวจการทางานของตับ, ตรวจการทางานของต่อมไทรอยด์, ตรวจไวรัสตับอักเสบ, ตรวจสารบ่งชี้มะเร็ง, ตรวจปัสสาวะ, ตรวจอุจจาระ, ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG), เอกซเรย์ปอด, ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง และตรวจวัดความสามารถในการมองเห็นและความดันลูกตา นอกจากนี้ในส่วนของผู้สูงอายุอาจจะมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจความ
หนาแน่นของกระดูก และทดสอบสมรรถภาพหัวใจขณะออกกาลังกาย (EST) เป็นต้น
.
ถ้าหากเราไปตรวจสุขภาพเป็นประจา จะทาให้เรารู้ว่าตอนนี้สุขภาพเราเป็นอย่างไร หรือถ้าเจออะไรผิดปกติก็จะได้รีบรักษาได้ทัน ก่อนที่จะสายเกินไป ยังไงก็ลองติดต่อสอบถามกับทางโรงพยาบาลใกล้บ้านหรือโรงพยาบาลที่เราสนใจจะตรวจดูได้นะ เพื่อสุขภาพของตัวคุณเองและคนที่คุณรัก

6. พูดคุย ดูแลเอาใจใส่ และให้เวลา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว
รู้หรือไม่ว่าผู้สูงอายุก็มีปัญหาสุขภาพจิตเหมือนกัน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความสูญเสีย เพราะกว่าจะมาถึงอายุปัจจุบันได้ น่าจะผ่านความสูญเสียคนใกล้ชิดมาพอสมควร อาจจะทาให้เกิดความเศร้าสะสม, รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจากการเกษียณ เพราะรู้สึกว่าไม่มีอะไรทา หรือทาอะไร ๆ ไม่ได้เท่าเดิม, กลัวถูกลูกหลานทอดทิ้ง กลัวไม่ได้รับความรักความดูแล ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจจะส่งผลไปถึงปัญหาสุขภาพได้อีก เพราะมีความกังวลในจิตใจตลอด ทาให้นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย หรือเบื่ออาหาร เป็นต้น
.
วิธีการที่จะช่วยให้สุขภาพจิตของผู้สูงอายุดีขึ้น ได้แก่ คอยพูดคุยด้วยบ่อย ๆ ดูแลเอาใจใส่สม่าเสมอ พาไปเที่ยว พาไปเจอเพื่อนบ้าง หรือมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน อย่าปล่อยให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว และไม่ควรปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่คนเดียวบ่อย ๆ เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตแล้ว อาจจะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มเข้ามาด้วย

7. ป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นภายในบ้าน
ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สาคัญมากสาหรับทุก ๆ บ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ ยิ่งต้องมีความปลอดภัยสูงขึ้นไปอีก เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในแต่ละวัน ทั้งภัยจากในบ้านและนอกบ้าน หากเรามีการเตรียมรับมือกับภัยต่าง ๆ เอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดโอกาสในการเกิดเหตุหรือลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางส่วน
.
โดยวิธีการรับมือจากเหตุไม่คาดฝันสามารถทาได้ดังนี้ 1.) ติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น 2.) ติดตั้งสัญญาณกันขโมย เพื่อเซฟผู้สูงอายุจากการถูกบุกรุกแบบถึงตัว เพราะหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล มันจะส่งแจ้งเตือนไปยังสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวให้ได้รับทราบโดยทั่วกัน และให้ความช่วยเหลือได้ทันเวลา 3.) ติดตั้งสัญญาณเตือนไฟไหม้ เพื่อตรวจจับความร้อนและควันไฟก่อนเกิดอัคคีภัย หรือ 4.) ซื้อปุ่มฉุกเฉินให้ผู้สูงอายุ หากเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายขึ้น ผู้สูงอายุสามารถกดปุ่มนี้เพื่อแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังคนในครอบครัวคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ยิ่งถ้าใช้ปุ่มฉุกเฉินระบบ Internet Cloud Server จะช่วยให้แจ้งเหตุได้อย่างรวดเร็วฉับไวกว่าระบบ SimCard หรือสายโทรศัพท์ เพราะระบบนี้สามารถส่งได้ทั้งข้อความ ภาพ และเสียงไปพร้อม ๆ กันได้ ทาให้คนที่ได้รับแจ้งเหตุมีข้อมูลและหลักฐานชัดเจน และยังสามารถใช้งานกับระบบสัญญาณกันขโมยได้ด้วย

.
สุดท้ายนี้ อย่าลืมดูแลเอาใจใส่ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจของผู้สูงอายุภายในบ้านกันนะ จะได้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ และที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือเรื่องของความปลอดภัย เพราะอะไร ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากเรามีเครื่องมือหรืออุปกรณ์คุณภาพดี เทคโนโลยีเลิศ ที่ช่วยให้ชีวิตของเราง่าย สะดวก และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ก็คุ้มค่าที่จะลงทุนนะ

 

Maxwell ขอเสนอโปรโมชั่นสำหรับงานบ้านและสวน
เพื่อดูแลผู้สูงอายุเวลาที่คุณไม่อยู่บ้าน

 

พบกันที่งานบ้านและสวน อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันที่ 18-27 ตุลาคมนี้